โครงงาน CAI ช่วยสอน
เรื่อง ขนมชั้นหลากสี
โรงเรียนโพธิ์ไทรพิทยาคาร อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต29
โครงงานอาชีพ Cai ช่วยสอน
เรื่อง ขนมชั้นหลากสี
จัดทำโดย
นางสาว เปรมกมล คงถาวร เลขที่ 30
นางสาว สุนิตรา โทบุดดี เลขที่ 35
นางสาว ลัดดาวัลย์ ปาหนองโปร่ง เลขที่ 38
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
ครูที่ปรึกษาโครงงาน
ครูอนุสรณ์ ฤกษ์บางพลัด
โรงเรียนโพธิ์ไทรพิทยาคาร อำเภอโพธิ์ไทรจังหวัดอุบลราชธานี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 29
บทคัดย่อ
โครงงานอาชีพ Cai เรื่องขนมชั้นหลากสี เป็นโครงงานที่นำขนมไทย มาปรับ ให้มีสีสัน รสชาติที่แตกต่างจากขนมชั้นที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป เช่น การนำผัก ผลไม้ มาสกัดเป็นน้ำเพื่อใช้เป็นสีผสมอาหาร เป็นการนำธัญพืชที่แปลกใหม่มาใช้เป็นส่วนประกอบของขนมชั้น เพื่อให้ได้ขนมชั้นที่มีรสชาติน่ารับประทาน แปลกใหม่ โดยมีวัตถุดิบหลักเช่นเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ การใส่สี กลิ่น และจะมีรสชาติของธัญพืชที่สกัด และสามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
กิตติกรรมประกาศ
ขอบพระคุณผู้ที่ไห้การสนับสนุนโครงงานนี้ เริ่มตั้งแต่พ่อแม่ที่สนับสนุนงบประมาณ คุณครู อนุสรณ์ ฤกษ์บางพลัด คุณครูผู้ฝึกสอนการทำโครงงาน CAI คุณครูคหกรรม ที่บอกเทคนิคในการทำขนมชั้น และผู้ที่ให้ความช่วยเหลือพวกเรา รวมทั้งเพื่อนๆที่ให้ข้อแนะนำในรสชาติของขนม จนทำให้ขนมของเราเป็นผลได้สำเร็จ
คณะผู้จัดทำ
บทที่1
ที่มาและความสำคัญ
ที่มาและความสำคัญ
ที่มาและความสำคัญ
ขนมไทย มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีที่ประณีตบรรจง
ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้นักเรียนฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม
2.เพื่อได้ฝึกการทำโครงงานโดยใช้โปรมแกรม Macromedai Authorware
3.เพื่อฝึกทักษะการทำขนม
4.เพื่อให้ผู้ที่สนใจศึกษา และสืบสานขนมไทยให้อยู่คู่คนไทยเรื่อยไป
5.เพื่อฝึกการคิดหา ไอเดีย ที่แปลกใหม่ และควาน่าสนใจของขนมไทย
ขอบเขต
สถานที่จัดทำโครงงาน บ้านเลขที่ 56 หมู่ 11 ต.โพธิ์ไทร อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี
ศึกษารสธรรมชาติ ความแปลกใหม่ของขนมชั้น
ใช้ผัก ผลไม้มาสกัดสี
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1.เพื่อนำความรู้ที่ได้จากการทำโครงงานนี้ไปใช้ได้จริง
2.เพื่อนำสิ่งที่เป็นประโยชน์มาใช้ในชีวิตประจำวัน
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
2.สามารถนำมาประกอบอาชีพได้
3.ช่วยเสริมทักษะความคิดสร้งสรรค์ใหม่ๆ
4.บูรณาการความรู้ที่ได้มาใช้ระโยชน์
5.ฝึกทักษะในการทำงานเป็นกลุ่ม
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ขนมไทย มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีที่ประณีตบรรจง
ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม
ขนมไทยดั้งเดิม มีส่วนผสมคือ แป้ง น้ำตาล กะทิ เท่านั้น ส่วนขนมที่ใช้ไข่เป็นส่วนประกอบ เช่น ทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน นั้น มารี กีมาร์เดอ ปีนา (ท้าวทองกีบม้า) หญิงสาวชาวโปรตุเกส เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา
ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ ก็คือขนมจากไข่ และเชื่อกันว่าชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ เช่น รับประทานฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน รับประทาน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน รับประทาน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เจริญ รับประทานขนมทองเอก ก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น
สมัยสุโขทัย ขนมไทยมีที่มาคู่กับชนชาติไทย จากประวัติศาสตร์ที่ติดต่อค้าขายกับต่างประเทศคือ จีนและอินเดียในสมัยสุโขทัย มีส่วนช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ด้านอาหาร การกินร่วมไปด้วย
สมัยอยุธยา เริ่มมีการเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับต่างประเทศทั้งชาติตะวันออกและตะวันตก ไทยเรายิ่งรับเอาวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่างๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่ เครื่องมือเครื่องใช้ วัตถุดิบที่หาได้ ตลอดจนนิสัยการบริโภคของคนไทยเอง
4
จนบางทีคนรุ่นหลังแทบจะแยกไม่ออกเลยว่า อะไรคือขนมไทยแท้ๆ อะไรที่เรายืมเค้ามา เช่น ทองหยิบ ทองหยอดและฝอยทอง หลายท่านอาจคิดว่าเป็นของไทยแท้ๆ แต่ความจริงแล้วมีต้นกำเนิดจากประเทศโปรตุเกส โดย "มารี กีมาร์" หรือ "ท้าวทองกีบม้า"
"มารี กีมาร์" หรือ "ท้าวทองกีบม้า"เกิดเมื่อ พ.ศ. 2201 หรือ พ.ศ. 2202 แต่บางแห่งก็ว่า พ.ศ. 2209 โดยยึดหลักจากการแต่งงานของเธอที่มีขึ้นในปี พ.ศ. 2225 และขณะนั้น มารี กีมาร์ มีอายุเพียง 16 ปี บิดาชื่อ "ฟานิก (Phanick)" เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นผสมแขกเบงกอล ผู้เคร่งศาสนา ส่วนมารดาชื่อ "อุรสุลา ยามาดา (Ursula Yamada)" ซึ่งมีเชื่อสายญี่ปุ่นผสมโปรตุเกส ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในอยุธยา ภายหลังจากพวกซามูไรชุดแรกจะเดินทางเข้ามาเป็นทหารอาสา ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไม่นานนัก พระองค์ และเก็บผลไม้ของเสวย มีพนักงานอยู่ใต้บังคับบัญชาเป็นหญิงล้วน จำนวน 2,000 คน ซึ่งเธอก็ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ชื่นชม ยกย่อง มีเงินคืนทอง พระคลังปีละมากๆ ระหว่างที่รับราชการนี่เอง มารี กีมาร์ ได้สอนการทำขนมหวานจำพวก ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง ทองพลุ ทองโปร่ง ขนมผิงและอื่นๆ ให้แก่ผู้ทำงานอยู่กับเธอและสาวๆ เหล่านั้น ได้นำมาถ่ายทอดต่อมายังแต่ละครอบครัวกระจายไปในหมู่คนไทยมาจนปัจจุบันนี้ ถึงแม้ว่า "มารี กีมาร์" หรือ "ท้าวทองกีบม้า" จะมีชาติกำเนิดเป็นชาวต่างชาติ แต่เธอก็เกิด เติบโต มีชีวิตอยูในเมืองไทยจวบจนหมดสิ้นอายุขัย นอกจากนั้น ยังได้ทิ้งสิ่งที่เธอค้นคิด ให้เป็นมรดกตกทอดมาสู่คนรุ่นหลัง ได้กล่าวขวัญถึงด้วยความภาคภูมิ "ท้าวทองกีบม้า เจ้าตำรับอาหารไทย"
ขนมจัดเป็นอาหารที่คู่สำรับกับข้าวไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดยใช้คำว่าสำรับกับข้าวคาว-หวาน โดยทั่วไปประชาชนจะทำขนมเฉพาะในงานเลี้ยง นับตั้งแต่การทำบุญเลี้ยงพระ งานมงคลและงานพิธีการ อาหารหวานที่จัดเป็นสำรับจะต้องประกอบด้วย ของหวานอย่างน้อย 5 สิ่ง ซึ่งต้องเลือกให้มีรสชาติ สีสัน ชนิด ตลอดจนลักษณะที่ กลมกลืนกัน แต่ละสำรับจะต้องมีผลไม้ 10 ที่ และขนมเป็นน้ำ 1 ที่เสมอ
สมัยรัตนโกสินทร์ ได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ อย่างกว้างขวางไทยได้รับเอาวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่าง ๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น วัตถุดิบที่หาได้ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนการบริโภคนิสัยแบบไทย ๆ จนทำให้คนรุ่นหลัง ๆ แยกไม่ออกว่าอะไรคือขนมที่เป็นไทยแท้ ๆ และอะไรดัดแปลงมาจากวัฒนธรรมของชาติอื่น เช่น ขนมที่ใช้ไข่และขนมที่ต้องเข้าเตาอบ ซึ่งเข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากคุณท้าวทองกีบม้าภรรยาเชื้อชาติญี่ปุ่น สัญชาติโปรตุเกสของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ผู้เป็นกงศุลประจำประเทศไทยในสมัยนั้น ไทยมิใช่เพียงรับทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทองมาเท่านั้น หากยังให้ความสำคัญกับขนมเหล่านี้โดยใช้เป็นขนมมงคลอีกด้วย ส่วนใหญ่ตำรับขนมที่ใส่มักเป็น "ของเทศ" เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง ทองหยอดจากโปรตุเกส มัสกอดจากสกอตต์
ขนมไทย เป็นเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนประณีตในการทำ ตั้งแต่วัตถุดิบ วิธีการทำ ที่กลมกลืน พิถีพิถัน ในเรื่องรสชาติ สีสัน ความสวยงาม กลิ่นหอม รูปลักษณะชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทาน ขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตกต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้น
ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการพิมพ์ตำราอาหารออกเผยแพร่ รวมถึงตำราขนมไทยด้วย จึงนับได้ว่าวัฒนธรรมขนมไทยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรก ตำราอาหารไทยเล่มแรกคือแม่ครัวหัวป่าก์
ในสมัยต่อมาเมื่อการค้าเจริญขึ้นในตลาดมีขนมนานาชนิดมาขาย และนับว่าเป็นยุคที่ขนมไทยเป็นที่นิยม
ขนมที่ทำให้สุกด้วยการกวน ส่วนมากใช้กระทะทอง กวนตั้งแต่เป็นน้ำเหลวใสจนงวด แล้วเทใส่พิมพ์หรือถาดเมื่อเย็นจึงตัดเป็นชิ้น เช่น ตะโก้ ขนมลืมกลืน ขนมเปียกปูน ขนมศิลาอ่อน และผลไม้กวนต่างๆ รวมถึง ข้าวเหนียวแดง ข้าวเหนียวแก้ว และกะละแม
ขนมที่ทำให้สุกด้วยการนึ่ง ใช้ลังถึง บางชนิดเทส่วนผสมใส่ถ้วยตะไลแล้วนึ่ง บางชนิดใส่ถาดหรือพิมพ์ บางชนิดห่อด้วยใบตองหรือใบมะพร้าว เช่น ช่อม่วง ขนมชั้น ข้าวต้มผัด สาลี่อ่อน สังขยา ขนมกล้วย ขนมตาล ขนมใส่ไส้ ขนมเทียน ขนมน้ำดอกไม้
ขนมที่ทำให้สุกด้วยการเชื่อม เป็นการใส่ส่วนผสมลงในน้ำเชื่อมที่กำลังเดือดจนสุก ได้แก่ ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง เม็ดขนุน กล้วยเชื่อม จาวตาลเชื่อม
ขนมที่ทำให้สุกด้วยการทอด เป็นการใส่ส่วนผสมลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อนๆ จนสุก เช่น กล้วยทอด ข้าวเม่าทอด ขนมกง ขนมค้างคาว ขนมฝักบัว ขนมนางเล็ด
ขนมที่ทำให้สุกด้วยการนึ่งหรืออบ ได้แก่ ขนมหม้อแกง ขนมหน้านวล ขนมกลีบลำดวน ขนมทองม้วน สาลี่แข็ง ขนมจ่ามงกุฏ นอกจากนี้ อาจรวม ขนมครก ขนมเบื้อง ขนมดอกลำเจียกที่ใช้ความร้อนบนเตาไว้ในกลุ่มนี้ด้วย
ขนมที่ทำให้สุกด้วยการต้ม ขนมประเภทนี้จะใช้หม้อหรือกระทะต้มน้ำให้เดือด ใส่ขนมลงไปจนสุกแล้วตักขึ้น นำมาคลุกหรือโรยมะพร้าว ได้แก่ ขนมถั่วแปบ ขนมต้ม ขนมเหนียว ขนมเรไร นอกจากนี้ยังรวมขนมประเภทน้ำ ที่นิยมนำมาต้มกับกะทิ หรือใส่แป้งผสมเป็นขนมเปียก และขนมที่กินกับน้ำเชื่อมและน้ำกะทิ เช่น กล้วยบวชชี มันแกงบวด สาคูเปียก ลอดช่อง ซ่าหริ่มวัตถุดิบในการปรุงขนมไทย
การใช้สีผสมอาหารมีจุดประสงค์เพื่อให้อาหารแลดูสวยงาม น่ารับประทาน ซึ่งสามารถดึงดูดใจผู้บริโภคทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่เราจะใช้ยังไงให้ปลอดภัย ถ้าเราต้องซื้ออาหารที่เค้าทำขายตามท้องตลาด ซึ่งผู้ค้าสมัยนี้หาคนที่มีสำนึกรับผิดชอบได้น้อยมาก โอกาสที่เราจะได้รับอันตรายจากสีสังเคราะห์ที่ใช้ผสมอาหารนั้นมีมาก ทางที่ดีถ้าเรามีฝีมือในการทำอาหารอยู่บ้างแล้ว แนะนำให้ทำทานเองที่บ้านดีกว่า ถึงแม้ว่าการทำครั้งแรกอาจจะไม่อร่อยถูกปากเหมือนกับที่ซื้อเค้ามา แต่ถ้าเราทำบ่อยๆ เราก็สามารถพัฒนาฝีมือของเราเองไปเรื่อยๆ แถมยังได้อาหารที่สด สะอาดและปลอดภัยอีกด้วย วันนี้เรามีวิธีการนำสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ ที่หลายคนยังไม่เคยรู้ว่าทำได้ มาทำสีผสมอาหาร รับรองว่าปลอดภัยจากอันตรายจากสีสังเคราะห์ 100 % สีที่ได้จากธรรมชาติและใช้ในขนมไทย มีดังนี้ สีเขียว ได้จากใบเตยโขลกละเอียด คั้นเอาแต่น้ำ สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน เด็ดกลีบดอกอัญชันแช่ในน้ำเดือด ถ้าบีบน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยจะได้สีม่วง สีเหลืองจากขมิ้นหรือหญ้าฝรั่น สีแดงจากครั่ง สีดำจากกาบมะพร้าวเผาไฟ นำมาโขลกผสมน้ำแล้วกรอง
กลิ่นหอม กลิ่นหอมที่ใช้ในขนมไทยได้แก่ กลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ ใช้ดอกมะลิที่เก็บในตอนเช้า แช่ลงในน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วให้ก้านจุ่มอยู่ในน้ำ ปิดฝาทิ้งไว้ 1 คืน รุ่งขึ้นจึงกรอง นำนำไปใช้ทำขนม
กลิ่นดอกกระดังงา นิยมใช้อบขนมแห้ง โดยเด็ดกลีบกระดังงามาลนเทียนอบให้หอม ใส่ขวดโหลที่ใส่ขนมไว้ ปิดฝาให้สนิท
กลิ่นเทียนอบ จุดไฟที่ปลายเทียนอบทั้งสองข้างให้ลุกสักครู่หนึ่งแล้วดับไฟ วางลงในถ้วยตะไล ใส่ในขวดโหลที่ใส่ขนม ปิดผาให้สนิท
กลิ่นใบเตย หั่นใบเตยที่ล้างสะอาดเป็นท่อนยาว ใส่ลงไปในขนม
บทที่ 3
วัสดุ อุปกรณ์ วิธีการดำเนินการ
วัสดุ อุปกรณ์
กระดาษ A4 ดินสอ ปากกาลบคำผิด
ปากกา คอมพิวเตอร์
วิธีการดำเนินงาน
1. เลือกหัวข้อเรื่องที่ต้องการศึกษา
2. เขียนองค์ประกอบ
3. ปฏิบัติงานจริงในสถานที่
4. รวบรวมข้อมูล
5. สรุปผลที่ได้จากกาทำโครงงาน
6. นำข้อมูลมาเรียบเรียงลงใคอมพิวเตอร์
ตารางการดำเนินงาน
สิ่งที่ทำ
|
ระยะเวลา
|
ผู้รับผิดชอบ
|
เริ่มหาข้อมูล
|
20 ธันวาคม พ.ศ. 2556
|
สมาชิกในกลุ่ม
|
ทำขนมชั้น
|
5 มกราคม พ.ศ. 2557
|
สมาชิกในกลุ่ม
|
ทำโครงงาน
|
20 มกราคม พ.ศ. 2557
|
สมาชิกในกลุ่ม
|
ขั้นตอนการทำขนมชั้น
ส่วนผสมของขนมชั้น
แป้งข้าวจ้าว
แป้งมัน
กะทิ
น้ำตาลทราย
สีจากธรรมชาติ
วิธีการทำ
เทกะทิใส่หม้อใช้ไฟอ่อนๆไม่ต้องแรงมาก ตามด้วยน้ำตาลทราย คนให้น้ำตาลทรายละลายและพักไว้ให้เย็น ก่อนผสมกับแป้ง หลังจากกะทิเย็นแล้ว เราจะผสมส่วนของแป้ง เริ่มจาก แป้งมัน และแป้งข้าวจ้าว จากนั้นเติมกะทิทีละน้อย
นวดแป้งไปเรื่อยๆ นวดแป้งจนละลายดีแล้วเราจะนำมากรองด้วยกระชอนตาถี่จากนี้เราจะนำไปผสมสีค่ะหยอดสีใส่ถ้วยตวงไว้
นำส่วนผสมมาเทในถ้วยให้ได้ปริมาณเท่าๆกัน เสร็จแล้วคนให้เข้ากันเตรียมซึ้งนึ่ง ใส่น้ำและต้มให้เดือดจัด นำพิมพ์ลงนึ่งให้ร้อนจัดประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะนึ่งขนม ไม่อย่างนั้นขนมจะติดพิมพ์ค่ะ พอพิมพ์ร้อนได้ที่แล้ว เราจะเทส่วนผสมลงไปในพิมพ์ทีละสีค่ะ( ก่อนที่จะเทส่วนผสมเราจะต้องคนก่อนเททุกครั้ง)
เรื่องความหนาของชั้นขนมต้องไม่บางหรือหนาเกินนะคะ เมื่อมีฟองอากาศต้องไล่ออกให้หมด ปิดฝา และใช้ไฟอ่อนนึ่ง เพื่อไม่ให้ขนมชั้นของเราเกิดฟองอากาศขึ้นค่ะ ชั้นหนึ่งเราใช้เวลานึ่งประมาณ 5-7 นาที ถ้าแป้งสุกแล้วเนื้อจะเนียนและใสขึ้นค่ะ เทสีสลับชั้นไปเรื่อยๆค่ะเมื่อนึ่งขนมเสร็จครบทุกชั้นแล้ว
เราต้องพักขนมชั้นไว้ให้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนแกะออกจากพิมพ์ เคล็ดลับการนึ่งขนมชั้น เวลาเปิดฝาหม้อต้องเปิดให้เร็ว เพื่อไม่ให้น้ำหยดลงบนตัวขนมค่ะ หลังจากที่แกะออกจากพิมพ์แล้ว ก่อนตัดขนมเพื่อไม่ให้มีดติดขนมเราจะนำมีดแช่น้ำก่อนตัดนะคะ และลงมีดในครั้งเดียว เราจะหั่นขนมชั้นเป็นชิ้นสีเหลี่ยม
คำแนะนำในการเก็บรักษาขนมชั้น
|
- ให้นำขนมชั้นวางทิ้งไว้จนหายเย็นจัด
- นำขนมชั้นใส่เตาไมโครเวฟ โดยใช้ความร้อนระดับสูง (180 - 200 °C) เป็นเวลา 10 วินาที |
บทที่ 4
ผลการศึกษาค้นคว้า
จากการศึกษาและปฏิบิงานจริง ทำให้ได้ขนมชั้นที่มีสี กลิ่น รส ดังนี้ขนมชั้นสีแดง มีกลิ่นของเฮลบลูบอยส์ หรือสีผสมอาหาร
ขนมชั้นสีเหลือง มีกลิ่นของขมิ้น
ขนมชั้นสีเขียว มีกลิ่นของใบเตบ หรือสีผสมอาหาร
ส่วนรสชาติ ก็ไม่แตกต่างจากขนมชั้นทั่วไป แต่ขนมชั้นมีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้นหากเราใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติมาช่วยในการทำ
บทที่ 5
สรุปผลและอภิปรายผลการศึกษาค้นคว้า
สรุปผล
ผลที่ออกมาจะได้ขนมชั้นที่มีกลิ่นที่แตกต่างจากขนมชั้นทั่วไป นอกจากนี้ยังสามารถนำผักและผลไม้ต่างๆ มาสกัดสีได้ เช่น แครอท อัญชัน ขมิ้น ใบเตย ฯลฯ ทำให้ได้คุณค่าทางโภชนาการ การทำโครงงานครั้งนี้ทำให้นักเรีนได้ฝึกการปฏิบัติงานจริงอภิปรายผลการศึกษาค้นคว้า
ขนมชั้นหลากสี เป็นการนำขนมชั้นที่มีมาแต่อดีตมาประยุกต์ให้เกิดความหลากหลาย เช่น สี กลิ่น รส เป็นต้น ซึ่งวิธีการนี้สามารถทำได้จริง และทำได้ง่าย มีวิธีการที่ไม่ซับซ้อนมากนะ แตกต่างตรงที่มีการใช้ส่วยผสมต่างกันไปตามความชอบหรือคามต้องการของผู้ที่จะทำ
ภาคผนวก
M88 Casino | Best Online Casino | Thakasino.com
ตอบลบM88 Casino is a 메리트카지노 reputable online casino offering slots and other games for mobile devices such as Android 메리트카지노 and iOS. m88
Casino Bonus codes and free spins no deposit 2021 - The
ตอบลบGet exclusive air jordan 18 retro red online store casino bonus codes and free spins no how to order air jordan 18 retro varsity red deposit 2021. Compare 2021's how to find jordan 18 white royal blue Best Casino Bonus Codes show to get air jordan 18 retro yellow & get the Best Free Spins No Deposit Bonus air jordan 18 retro yellow suede store 2021